วันพฤหัสบดีที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ประเด็นคดีปลอมเอกสาร

ความผิดเกี่ยวกับเอกสาร

          มาตรา ๑  ในประมวลกฎหมายนี้
                   (๘)  เอกสารราชการ หมายความว่า เอกสารซึ่งเจ้าพนักงานได้ทำขึ้นหรือรับรองในหน้าที่และให้หมายความรวมถึงสำเนาเอกสารนั้น ๆ ที่เจ้าพนักงานได้รับรองในหน้าที่ด้วย
                   (๙)  เอกสารสิทธิ หมายความว่า เอกสารที่เป็นหลักฐานแห่งการก่อ เปลี่ยนแปลง โอน สงวนหรือระงับสิทธิ             

          มาตรา ๒๕๑  ผู้ใดทำปลอมขึ้นซึ่งดวงตราหรือรอยตราของทบวงการเมือง หรือของเจ้าพนักงาน ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงเจ็ดปี และปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงหนึ่งหมื่นสี่พันบาท

          มาตรา ๒๕๒  ผู้ใดใช้ดวงตรา หรือรอยตราดังกล่าวมาในมาตรา ๒๕๑ อันเป็นดวงตรา หรือรอยตราที่ทำปลอมขึ้น ต้องระวางโทษดังที่บัญญัติไว้ในมาตรานั้น ๆ

          มาตรา ๒๖๔  ผู้ใดทำเอกสารปลอมขึ้นทั้งฉบับหรือแต่ส่วนหนึ่งส่วนใด เติมหรือตัดทอนข้อความ หรือแก้ไขด้วยประการใด ๆ ในเอกสารที่แท้จริง หรือประทับตราปลอม หรือลงลายมือชื่อปลอมในเอกสาร โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ถ้าได้กระทำเพื่อให้ผู้หนึ่งผู้ใดหลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริง ผู้นั้นกระทำความผิดฐานปลอมเอกสาร ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
                   ผู้ใดกรอกข้อความลงในแผ่นกระดาษหรือวัตถุอื่นใด ซึ่งมีลายมือชื่อของผู้อื่นโดยไม่ได้รับความยินยอม หรือโดยฝ่าฝืนคำสั่งของผู้อื่นนั้น ถ้าได้กระทำเพื่อนำเอาเอกสารนั้นไปใช้ในกิจการที่อาจเกิดเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือประชาชน ให้ถือว่าผู้นั้นปลอมเอกสาร ต้องระวางโทษเช่นเดียวกัน

           มาตรา ๒๖๕  ผู้ใดปลอมเอกสารสิทธิ หรือเอกสารราชการ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงห้าปี และปรับตั้งแต่หนึ่งพันบาทถึงหนึ่งหมื่นบาท   

           มาตรา ๒๖๖  ผู้ใดปลอมเอกสารดังต่อไปนี้
                     (๑) เอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการ
                     (๒) พินัยกรรม
                     (๓) ใบหุ้น  ใบหุ้นกู้ หรือใบสำคัญของใบหุ้นหรือใบหุ้นกู้
                     (๔) ตั๋วเงิน หรือ
                     (๕) บัตรเงินฝาก           
                     ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นถึงสองแสนบาท   

            มาตรา ๒๖๘  ผู้ใดใช้หรืออ้างเอกสารอันเกิดจากการกระทำความผิดตามมาตรา ๒๖๔ มาตรา ๒๖๕ มาตรา ๒๖๖ หรือมาตรา ๒๖๗ ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ต้องระวางโทษดังที่บัญญัติไว้ในมาตรานั้น ๆ
                    ถ้าผู้กระทำความผิดตามวรรคแรกเป็นผู้ปลอมเอกสารนั้น หรือเป็นผู้แจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความนั้นเอง ให้ลงโทษตามมาตรานี้แต่กระทงเดียว

            มาตรา ๒๖๙  ผู้ใดในการประกอบการงานในวิชาแพทย์ กฎหมาย บัญชีหรือวิชาชีพอื่นใด ทำคำรับรองเป็นเอกสารอันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
                   ผู้ใดโดยทุจริตใช้หรืออ้างคำรับรองอันเกิดจากการกระทำความผิดตามวรรคแรก ต้องระวางโทษเช่นเดียวกัน  

ประเด็นการสอบสวนผู้กล่าวหา
          ๑. ผู้กล่าวหารับราชการตำแหน่งใด มีหน้าที่อะไร 
          ๒. ขอทราบพฤติการณ์ที่ผู้ต้องหานำเอกสารมาใช้แสดงต่อเจ้าพนักงานผู้ใด ที่ไหน เมื่อใด 
          ๓. จุดประสงค์ที่ผู้ต้องหานำเอกสารมาใช้เพื่อการใด 
          ๔. ขอทราบลักษณะเอกสารที่ใช้ เป็นแบบฟอร์มของทางราชการ หรือจัดทำขึ้นเอง
          ๕. ผู้กล่าวหาเคยรู้จักกับผู้ต้องหามาก่อนหรือไม่ อย่างไร
          ๖. ผู้ต้องหาประกอบการงานในวิชาแพทย์ กฎหมาย บัญชีหรือวิชาชีพที่ทำคำรับรองเป็นเอกสารของกลางนั้นด้วยหรือไม่ และการกระทำดังกล่าวน่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชนหรือไม่ อย่างไร
         ๗. ผู้ต้องหาได้กรอกข้อความหรือลงลายมือชื่อตรงส่วนไหนของเอกสารบ้าง และมีส่วนไหนที่ถูกปลอมแปลงบ้าง กี่แห่ง สังเกตหรือรู้ได้อย่างไรว่าเป็นเอกสารปลอม  
         ๘. มีการใช้หรืออ้างคำรับรองในเอกสารของกลางนั้นด้วยหรือไม่
         ๙. การกระทำของผู้ต้องหาทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ใด หรือประชาชนหรือไม่  และทำให้ผู้ใดหลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริงหรือไม่ อย่างไร
      ๑๐. ตามวันเวลาที่เกิดเหตุ ผู้กล่าวหาอยู่ที่ใด เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหรือไม่ อย่างไร
      ๑๑. หลังจากเกิดเหตุ หน่วยงานผู้เสียหายได้ดำเนินการสอบถามผู้ต้องหาในเบื้องต้นหรือไม่ อย่างไร
      ๑๒. หน่วยงานผู้เสียหายได้มอบอำนาจให้ผู้กล่าวหามาแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับผู้ใดหรือไม่ อย่างไร  
      ๑๓. ลักษณะของเอกสารที่ถูกปลอมแปลงต่างจากเอกสารที่แท้จริงอย่างไร
      ๑๔. ขอทราบลักษณะเอกสารแต่ละฉบับ เรียกชื่อว่าอะไร มีใช้เพื่อการใด ถูกปลอมในตำแหน่งใด เมื่อเปรียบเทียบกับใบรับคำขอที่แท้จริงแล้ว แตกต่างกันกี่แห่ง อะไรบ้าง (เป็นเอกสารราชการ เอกสารสิทธิ หรือเอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการ)
      ๑๕. เอกสารที่ถูกปลอมแปลงในคดีนี้มีกี่ฉบับ
      ๑๖. ผู้กล่าวหาได้ยึดเอกสารฉบับตัวจริง ที่ผู้ต้องหากับพวกเอามาใช้ในการกระทำความผิดไว้หรือไม่ อย่างไร
      ๑๗. ดวงตราที่ประทับในเอกสารของกลาง แตกต่างจากดวงตราที่แท้จริงอย่างไร 
      ๑๘. ผู้กล่าวหามีเอกสารตัวอย่างที่เป็นต้นฉบับที่แท้จริง ที่มีลายมือชื่อของบุคคลที่ต้องการตรวจพิสูจน์ที่มีระยะเวลาของการเขียนใกล้เคียงกันกับเอกสารของกลาง มามอบให้พนักงานสอบสวนหรือไม่ จำนวนกี่ฉบับ ได้มาจากที่ใด ได้ลงลายมือชื่อรับรองบนพื้นที่ว่างของเอกสารตัวอย่างทุกแผ่นแล้วหรือไม่ และมีลายมือชื่อของบุคคลใด ตรงบริเวณใดในเอกสารของกลางที่เชื่อว่าไม่ใช่ลายมือชื่อของบุคคลคนเดียวกันที่ผู้กล่าวหาประสงค์ให้ทำการตรวจเปรียบเทียบ
      ๑๙. พนักงานสอบสวนได้จัดให้เจ้าของลายมือชื่อได้เขียนลายมือชื่อแบบเดียวกันกับลายมือชื่อในเอกสารของกลางต่อหน้าพนักงานสอบสวนหรือไม่ กี่หน้ากระดาษ และได้ลงลายมือชื่อรับรองบนพื้นที่ว่างของเอกสารตัวอย่างทุกแผ่นแล้วหรือไม่     
      ๒๐. ผู้กล่าวหามีดวงตราหรือตราประทับตัวอย่างที่เป็นต้นฉบับที่แท้จริง ส่งมาให้พนักงานสอบสวนได้หรือไม่ จำนวนกี่ดวงตรา ได้มาจากที่ใด ใช้ประทับในช่วงเวลาเดียวกันกับที่ปรากฏในเอกสารของกลางคดีนี้หรือไม่ และมีรอยตราตรงบริเวณใดในเอกสารของกลางที่เชื่อว่าไม่ใช่รอยตราที่แท้จริงของทางราชการที่ผู้กล่าวหาประสงค์ให้ทำการตรวจเปรียบเทียบ
       ๒๑. มีการจัดให้ประทับตัวอย่างรอยตราประทับที่แท้จริงลงบนกระดาษต่อหน้าพนักงานสอบสวนหรือไม่ กี่หน้ากระดาษ และได้ลงลายมือชื่อรับรองในเอกสารตัวอย่างรอยตราประทับทุกแผ่นแล้วหรือไม่     
       ๒๒. ผู้กล่าวหาได้พบเห็น หรือมีพยานพบเห็น ว่าผู้ต้องหาทั้งสองได้ลงมือปลอมเอกสารและรอยดวงตรานั้นหรือไม่ มีวิธีการปลอมเอกสารนั้นอย่างไร มีการยึดเครื่องมือเครื่องใช้ในการปลอมเอกสารนั้นด้วยหรือไม่
       ๒๓. ขอทราบชื่อ อายุ ที่อยู่ ตำหนิรูปพรรณผู้ต้องหา และมีเอกสารที่เกี่ยวข้องกับผู้ต้องหามาแสดงหรือไม่   
       ๒๔. เคยมีสาเหตุโกรธเคืองกับผู้ต้องหามาก่อนหรือไม่