คำพิพากษาด้วยวาจา คดีหมายเลขดำที่ 5214/2552
คดีหมายเลขแดงที่
5222/2552
ศาลแขวงเชียงใหม่
ความอาญา
พนักงานอัยการคดีศาลแขวงเชียงใหม่
โจทก์
นาย
จ. จำเลย
เรื่อง
ความผิดต่อพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา ความผิดต่อประกาศคณะปฏิบัติ ฉบับที่ 58
โจทก์ฟ้องจำเลยให้การรับสารภาพ ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2552 เวลาใดไม่ปรากฏชัด
จำเลยกับพวกซึ่งเป็นเยาวชนได้แยกดำเนินคดีไปยังศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดเชียงใหม่แล้ว
ร่วมกันกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายบทหลายกรรมต่างกัน กล่าวคือ
อาศัยอำนาจตามความในข้อ 5 ข้อ 7 ข้อ 8 และข้อ 14 แห่งประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 58 ลงวันที่ 26 มกราคม 2515 ว่าด้วยการควบคุมกิจการค้าขายอันกระทบถึงความปลอดภัยหรือผาสุกแห่งสาธารณชน และประกาศรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เรื่อง กิจการที่ต้องขออนุญาตตามข้อ 5 แห่งประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่
58 (เรื่อง สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ) ฉบับลงวันที่ 9 มิถุนายน 2548
กำหนดให้กิจการการให้สินเชื่อส่วนบุคคลเฉพาะที่ไม่มีทรัพย์สินเป็นหลักประกัน อันเป็นกิจการการให้สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับดูแลที่ต้องขออนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โดยจำเลยกับพวกได้ทราบประกาศดังกล่าวแล้ว ครั้นตามวันเวลาดังกล่าวข้างต้น จำเลยกับพวกซึ่งไม่ใช่นิติบุคคลและมิใช่สถาบันการเงินได้ร่วมกันประกอบธุรกิจเป็นผู้ให้สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับดูแลที่ต้องขออนุญาตโดยจำเลยกับพวกได้ร่วมกันให้นาง
ม. และบุคคลผู้มีชื่อจำนวนหลายราย กู้ยืมเงินของจำเลยกับพวกไปโดยไม่มีทรัพย์หรือทรัพย์สินเป็นหลักประกันทั้งนี้
จำเลยกับพวกได้ร่วมกันประกอบธุรกิจดังกล่าวในทางการค้าเป็นปกติ
โดยไม่ได้ขออนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ภายหลังที่จำเลยกับพวกร่วมกันกระทำความผิดตามฟ้องแล้ว จำเลยกับพวกร่วมกันเป็นเจ้าหนี้ให้นาง
ม. และให้บุคคลผู้มีชื่อเป็นลูกหนี้จำนวนหลายรายกู้ยืมเงินของจำเลยกับพวกไปและเก็บเงินกับลูกหนี้เป็นรายวัน โดยจำเลยกับพวกให้ นาง ม. และให้บุคคลผู้มีชื่อกู้ยืมเงินจำนวน 5,000 บาท ซึ่งลูกหนี้กู้ยืมจะต้องชดใช้คืนเงินต้นจำนวนคงที่และเรียกเก็บค่าดอกเบี้ยวันละ
100 บาท
ถ้าเงินต้นยังคืนไม่ครบจำนวนที่กู้ยืมไป ลูกหนี้จะต้องจ่ายดอกเบี้ยไปเรื่อย ๆ
จนกว่าลูกหนี้จะชำระเงินต้นครบ
โดยจำเลยกับพวกคิดอัตราดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี
ตามที่กฎหมายกำหนดไว้อันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย เหตุเกิดที่ตำบลตลาดขวัญ อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่
พิพากษาว่า
จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ. 2475 มาตรา
3 ประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 58 ลงวันที่ 26 มกราคม 2515 ข้อ 5, 16 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมให้เรียงกระทงลงโทษทุกกรรมเป็นความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 91
จำเลยให้การรับสารภาพเพื่อประโยชน์แห่งการพิจารณาคดี มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ฐานร่วมกันประกอบธุรกิจให้สินเชื่อโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 3 เดือน และปรับ 5,000
บาท ฐานร่วมกันคิดดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด จำคุก 3 เดือน และปรับ 500 บาท รวมจำคุก 6 เดือน และปรับ 5,500 บาท
โทษจำคุกให้รอลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ริบของกลาง
(ขอขอบคุณบทความจาก ทนายคลายทุกข์ http://www.decha.com/main/showTopic.php?id=5121 )
(ขอขอบคุณบทความจาก ทนายคลายทุกข์ http://www.decha.com/main/showTopic.php?id=5121 )
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ประกาศของคณะปฏิวัติ
ฉบับที่ ๕๘ ลง ๒๖ ม.ค.๒๕๑๕
ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง กิจการที่ต้องขออนุญาตตามข้อ ๕ แห่งประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๕๘ (เรื่อง
สินเชื่อรายย่อยเพื่อการประกอบอาชีพภายใต้การกํากับ) ลง ๒๖ ธ.ค.๒๕๕๗
พระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา
พุทธศักราช ๒๔๗๕