วันศุกร์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ประเด็นคดีหมิ่นประมาท

ความผิดฐานหมิ่นประมาท

                มาตรา ๓๒๖  ผู้ใดใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้น เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง ผู้นั้นกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

                มาตรา ๓๒๘  ถ้าความผิดฐานหมิ่นประมาทได้กระทำโดยการโฆษณาด้วยเอกสาร ภาพวาด ภาพระบายสี ภาพยนตร์ ภาพหรือตัวอักษรที่ทำให้ปรากฏไม่ว่าด้วยวิธีใด ๆ แผ่นเสียง หรือสิ่งบันทึกเสียง บันทึกภาพ หรือบันทึกอักษร กระทำโดยการกระจายเสียง หรือการกระจายภาพ หรือโดยกระทำการป่าวประกาศด้วยวิธีอื่น ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปีและปรับไม่เกินสองแสนบาท

                มาตรา ๓๒๙  ผู้ใดแสดงความคิดเห็นหรือข้อความใดโดยสุจริต
                (๑) เพื่อความชอบธรรม ป้องกันตน หรือป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรม
                (๒) ในฐานะเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติการตามหน้าที่
                (๓) ติชมด้วยความเป็นธรรม ซึ่งบุคคลหรือสิ่งใดอันเป็นวิสัยของประชาชนย่อมกระทำ หรือ
                (๔) ในการแจ้งข่าวด้วยความเป็นธรรมเรื่องการดำเนินการอันเปิดเผยในศาลหรือการประชุม
                ผู้นั้น ไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท

                มาตรา ๓๓๐  ในกรณีหมิ่นประมาท ถ้าผู้ถูกหาว่ากระทำความผิด พิสูจน์ได้ว่าข้อที่หาว่าเป็นหมิ่นประมาทนั้นเป็นความจริง ผู้นั้นไม่ต้องรับโทษ
                แต่ห้ามไม่ให้พิสูจน์ ถ้าข้อที่หาว่าเป็นหมิ่นประมาทนั้นเป็นการใส่ความในเรื่องส่วนตัว และการพิสูจน์จะไม่เป็นประโยชน์แก่ประชาชน

                มาตรา ๓๓๑  คู่ความ หรือทนายความของคู่ความ ซึ่งแสดงความคิดเห็นหรือข้อความในกระบวนพิจารณาคดีในศาล เพื่อประโยชน์แก่คดีของตน ไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท

                มาตรา ๓๓๒  ในคดีหมิ่นประมาท ซึ่งมีคำพิพากษาว่าจำเลยมีความผิด ศาลอาจสั่ง
                (๑) ให้ยึด และทำลายวัตถุหรือส่วนของวัตถุที่มีข้อความหมิ่นประมาท
                (๒) ให้โฆษณาคำพิพากษาทั้งหมด หรือแต่บางส่วนในหนังสือพิมพ์ หนึ่งฉบับหรือหลายฉบับ ครั้งเดียวหรือหลายครั้ง โดยให้จำเลยเป็นผู้ชำระค่าโฆษณา
             
                มาตรา ๓๓๓  ความผิดในหมวดนี้เป็นความผิดอันยอมความได้
                ถ้าผู้เสียหายในความผิดฐานหมิ่นประมาทตายเสียก่อนร้องทุกข์ ให้บิดา มารดา คู่สมรส หรือบุตรของผู้เสียหายร้องทุกข์ได้ และให้ถือว่าเป็นผู้เสียหาย

                มาตรา ๙๖  ภายใต้บังคับมาตรา ๙๕ ในกรณีความผิดอันยอมความได้ ถ้าผู้เสียหายมิได้ร้องทุกข์ภายในสามเดือนนับแต่วันที่รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิด เป็นอันขาดอายุความ

ประเด็นการสอบสวนผู้กล่าวหา
           ๑. ผู้กล่าวหาถูกผู้ต้องหาใส่ความด้วยวิธีใด ด้วยคำว่าอะไร เป็นเรื่องส่วนตัวหรือไม่  อย่างไร
           ๒. มีผู้ใดเป็นผู้มาเล่าให้ฟัง ผู้กล่าวหาเคยรู้จักกับผู้ต้องหามาก่อนหรือไม่ อย่างไร
           ๓. เมื่อผู้กล่าวหาได้ทราบข้อความแล้ว ผู้กล่าวหาได้กระทำดั่งที่ถูกใส่ความจริงหรือไม่ และผู้กล่าวหามีความรู้สึกอย่างไร (เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง)
           ๔.  มีผู้ใดได้ยินคำพูดหรือรับทราบข้อความดังกล่าวด้วยหรือไม่ เป็นใคร อยู่ที่ใด เมื่อผู้นั้นได้ทราบแล้วมีความรู้สึกอย่างไร
           ๕. การใส่ความนั้นเกิดขึ้นสถานที่แห่งใด เป็นการเปิดเผยในศาลหรือในการประชุมหรือไม่ เมื่อใด และผู้กล่าวหาได้รับทราบข้อความดังกล่าวนั้นที่ไหน เมื่อใด ทราบได้อย่างไร
           ๖. การใส่ความดังกล่าวนั้น มีจุดมุ่งหมายเพื่ออะไร
           ๗. การใส่ความดังกล่าวได้กระทำโดยการโฆษณาด้วยเอกสาร ภาพวาด ภาพระบายสี ภาพยนตร์ ภาพหรือตัวอักษรที่ทำให้ปรากฏไม่ว่าด้วยวิธีใด ๆ แผ่นเสียง หรือสิ่งบันทึกเสียง บันทึกภาพ หรือบันทึกอักษร กระทำโดยการกระจายเสียง หรือการกระจายภาพ หรือโดยกระทำการป่าวประกาศด้วยวิธีอื่นด้วยหรือไม่ อย่างไร
           ๘. ผู้กล่าวหามีหลักฐานที่เป็นวัตถุ หรือส่วนของวัตถุที่มีข้อความหมิ่นประมาท มาแสดงเป็นหลักฐานหรือไม่ ได้มาจากที่ไหน เมื่อใด โดยวิธีใด
           ๙. ผู้กล่าวหาหรือผู้ต้องหาได้เข้าไปเกี่ยวข้องหรือมีส่วนได้เสียในเรื่องที่ถูกใส่ความนั้นหรือไม่ อย่างไร
           ๑๐. ผู้ต้องหาเป็นเจ้าพนักงานหรือไม่ และกล่าวใส่ความในการปฏิบัติการตามหน้าที่หรือไม่
           ๑๑. ผู้กล่าวหาเห็นว่า การใส่ความดังกล่าวเป็นการติชมด้วยความเป็นธรรม ตามวิสัยที่ประชาชนย่อมกระทำหรือไม่
           ๑๒. การใส่ความดังกล่าวเป็นการแจ้งข่าวด้วยความเป็นธรรมหรือไม่  อย่างไร
           ๑๓. ผู้กล่าวหาประสงค์จะแจ้งความร้องทุกข์มอบคดีให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีกับผู้ใด  

ประเด็นการสอบสวนพยาน
           ๑. พยานได้ยินผู้กล่าวหาถูกผู้ต้องหาใส่ความด้วยวิธีใด ด้วยคำว่าอะไร เป็นเรื่องส่วนตัวหรือไม่ อย่างไร
           ๒. การใส่ความนั้นเกิดขึ้นสถานที่แห่งใด เป็นการเปิดเผยในศาลหรือในการประชุมหรือไม่ เมื่อใด
           ๓. พยานเคยรู้จักกับผู้กล่าวหาและผู้ต้องหามาก่อนหรือไม่ อย่างไร
           ๔. พยานได้เล่าให้ผู้กล่าวหาได้รับทราบการถูกใส่ความที่ไหน เมื่อใด
           ๕. พยานได้ยินคำพูดหรือรับทราบข้อความดังกล่าวแล้ว ผู้กล่าวหาเป็นดังที่ถูกใส่ความจริงหรือไม่ พยานมีความรู้สึกอย่างไร
           ๖. นอกจากพยานแล้ว มีผู้ใดได้ยินคำพูดหรือรับทราบข้อความดังกล่าวด้วยหรือไม่ เป็นใคร อยู่ที่ใด เมื่อผู้นั้นได้ทราบแล้วมีความรู้สึกอย่างไร  
           ๗. เมื่อพยานเล่าให้ผู้กล่าวหาฟังแล้ว ผู้กล่าวหามีความรู้สึกอย่างไร (เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง)
           ๘. การใส่ความดังกล่าวนั้น มีจุดมุ่งหมายเพื่ออะไร
           ๙. การใส่ความดังกล่าวได้กระทำโดยการโฆษณาด้วยเอกสาร ภาพวาด ภาพระบายสี ภาพยนตร์ ภาพหรือตัวอักษรที่ทำให้ปรากฏไม่ว่าด้วยวิธีใด ๆ แผ่นเสียง หรือสิ่งบันทึกเสียง บันทึกภาพ หรือบันทึกอักษร กระทำโดยการกระจายเสียง หรือการกระจายภาพ หรือโดยกระทำการป่าวประกาศด้วยวิธีอื่นด้วยหรือไม่ อย่างไร
           ๑๐. พยานมีหลักฐานที่เป็นวัตถุ หรือส่วนของวัตถุที่มีข้อความหมิ่นประมาท มาแสดงเป็นหลักฐานหรือไม่ อย่างไร
           ๑๑. ผู้กล่าวหาหรือผู้ต้องหาเกี่ยวข้องหรือมีส่วนได้เสียในเรื่องที่ถูกใส่ความนั้นหรือไม่ อย่างไร
           ๑๒. ผู้ต้องหาเป็นเจ้าพนักงานหรือไม่ และกล่าวใส่ความในการปฏิบัติการตามหน้าที่หรือไม่
           ๑๓. การใส่ความดังกล่าวเป็นการติชมด้วยความเป็นธรรม ตามวิสัยที่ประชาชนย่อมกระทำหรือไม่
           ๑๔. การใส่ความดังกล่าวเป็นการแจ้งข่าวด้วยความเป็นธรรมหรือไม่  
           ๑๕. ผู้กล่าวหาเป็นบุคคลที่ได้กระทำการอย่างที่ถูกใส่ความนั้นด้วยจริงหรือไม่ อย่างไร

ประเด็นการสอบสวนผู้ต้องหา
           ๑. ผู้ต้องหาใส่ความผู้กล่าวหาต่อพยาน โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้กล่าวหานั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง ตามข้อกล่าวหาจริงหรือไม่ อย่างไร
           ๒. ผู้ต้องหาใส่ความผู้กล่าวหาด้วยคำว่าอะไร โดยเป็นคำกล่าว หรือเขียน หรือด้วยวิธีการใด เป็นเรื่องส่วนตัวหรือไม่
           ๓. ผู้ต้องหาเคยรู้จักกับผู้กล่าวหามาก่อนหรือไม่ อย่างไร
           ๔. ผู้ต้องหาใส่ความผู้กล่าวหาต่อผู้ใดบ้าง และผู้ต้องหากระทำไปด้วยเหตุใด มีจุดมุ่งหมายเพื่ออะไร (เพื่อความชอบธรรม ป้องกันตนหรือป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรม หรือติชมด้วยความเป็นธรรม ตามวิสัยที่ประชาชนย่อมกระทำ หรือเป็นการแจ้งข่าวด้วยความเป็นธรรมเรื่องการดำเนินการอันเป็นเผยในศาลหรือในการประชุมหรือไม่)
           ๕. ผู้ต้องหาใส่ความผู้กล่าวหาตรงสถานที่แห่งใด เมื่อใด และทราบว่าผู้กล่าวหาได้รับทราบข้อความดังกล่าวนั้นที่ไหน เมื่อใด และทราบได้อย่างไร
           ๖. การใส่ความดังกล่าวได้กระทำโดยการโฆษณาด้วยเอกสาร ภาพวาด ภาพระบายสี ภาพยนตร์ ภาพหรือตัวอักษรที่ทำให้ปรากฏไม่ว่าด้วยวิธีใด ๆ แผ่นเสียง หรือสิ่งบันทึกเสียง บันทึกภาพ หรือบันทึกอักษร กระทำโดยการกระจายเสียง หรือการกระจายภาพ หรือโดยกระทำการป่าวประกาศด้วยวิธีอื่นด้วยหรือไม่ อย่างไร
           ๗. พนักงานสอบสวนให้ดูหลักฐานที่เป็นวัตถุ หรือส่วนของวัตถุของกลางแล้ว ผู้ต้องหาเป็นผู้ใส่ความตามหลักฐานดังกล่าวนี้หรือไม่ อย่างไร
           ๘. ผู้ต้องหาเป็นเจ้าพนักงานหรือไม่ และกล่าวข้อความในการปฏิบัติการตามหน้าที่หรือไม่ อย่างไร
           ๙. ผู้ต้องหาพิสูจน์ได้หรือไม่ว่า ผู้กล่าวหาเป็นบุคคลที่ได้กระทำการอย่างที่ถูกใส่ความนั้นจริงหรือไม่ อย่างไร
          ๑๐. ผู้ต้องหาถูกจับกุมตัวได้ที่ไหน เมื่อใด