วันพุธที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2559

ประเด็นคดีบัตรอิเล็กทรอนิกส์

              พฤติการณ์ - ผู้ต้องหาสองคนลักเอาบัตรเดบิตของผู้เสียหาย ในขณะที่ผู้เสียหายทำบัตรตกหาย ไปใช้ชำระค่าสินค้า โดยมีการปลอมลายมือชื่อของผู้เสียหายลงในสลิปรายการค่าสินค้าด้วย 
              ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑ ในประมวลกฎหมายนี้                           
              (๑๔) “บัตรอิเล็กทรอนิกส์” หมายความว่า
                     (ก) เอกสารหรือวัตถุอื่นใดไม่ว่าจะมีรูปลักษณะใดที่ผู้ออกได้ออกให้แก่ผู้มีสิทธิใช้ ซึ่งจะระบุชื่อหรือไม่ก็ตาม โดยบันทึกข้อมูลหรือรหัสไว้ด้วยการประยุกต์ใช้วิธีการทางอิเล็กตรอน ไฟฟ้า คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า หรือวิธีอื่นใดในลักษณะคล้ายกัน ซึ่งรวมถึงการประยุกต์ใช้วิธีการทางแสงหรือวิธีการทางแม่เหล็กให้ปรากฏความหมายด้วยตัวอักษร ตัวเลข รหัส หมายเลขบัตร หรือสัญลักษณ์อื่นใดทั้งที่สามารถมองเห็นและมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า
                    (ข) ข้อมูล รหัส หมายเลขบัญชี หมายเลขชุดทางอิเล็กทรอนิกส์หรือเครื่องมือทางตัวเลขใด ๆ ที่ผู้ออกได้ออกให้แก่ผู้มีสิทธิใช้ โดยมิได้มีการออกเอกสารหรือวัตถุอื่นใดให้ แต่มีวิธีการใช้ในทำนองเดียวกับ (ก) หรือ
                    (ค) สิ่งอื่นใดที่ใช้ประกอบกับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์เพื่อแสดงความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลกับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อระบุตัวบุคคลผู้เป็นเจ้าของ
             ฐานความผิด  “ร่วมกัน (ม.๘๓) ลักทรัพย์ (ม.๓๓๔) โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป (ม.๓๓๕(๗)) เอาไปเสียหรือทำให้สูญหายซึ่งเอกสารของผู้อื่นในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน (ม.๑๘๘) ปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอมในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน (ม.๒๖๔ วรรคหนึ่ง , ๒๖๕ , ๒๖๘ วรรคสอง) มีไว้เพื่อนำออกใช้และใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน  (ม.๒๖๙/๕ , ๒๖๙/๖) โดยเป็นการกระทำเกี่ยวกับบัตรอิเล็กทรอนิกส์ที่ผู้ออกได้ออกให้แก่ผู้มีสิทธิใช้เพื่อใช้ประโยชน์ในการชำระค่าสินค้า ค่าบริการ หรือหนี้อื่นแทนการชำระด้วยเงินสดหรือใช้เบิกถอนเงินสด (ม.๒๖๙/๗)
             อัตราโทษสูงสุด   ม.๒๖๙/๕ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และ ม.๒๖๗/๕ ต้องระวางโทษหนักกว่าที่บัญญัติไว้ในมาตรานั้น ๆ กึ่งหนึ่ง

             การสอบสวนผู้กล่าวหา
            - กรณีลักทรัพย์ให้สอบสวนให้ชัดแจ้งว่า ทรัพย์ที่ตกหายเป็นเวลากลางวันหรือกลางคืน หากมีช่วงเวลาคาบเกี่ยว เชื่อว่า ถูกลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ก็ให้แจ้งข้อหาลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ซึ่งมีอัตราโทษสูงกว่า ถ้าเชื่อว่าถูกลักในเวลากลางวัน ก็ให้ชัดเจนว่าเป็นเวลาเท่าใด พระอาทิตย์ตกแล้วหรือยัง 
            - ต้องสอบสวนกรณีลักทรัพย์ให้ชัดเจน กล่าวคือ ถ้าเป็นลักทรัพย์ เจ้าของต้องติดตามเสาะหาทันทีที่บัตรเดบิตตกหายและยังอยู่ในระหว่างติดตามโดยยังไม่ขาดจากความครอบครองในทรัพย์ที่ตกหายนั้น เพราะไม่เช่นนั้นจะเข้า ม.๓๕๒ คือยักยอกทรัพย์สินหายซึ่งผู้กระทำผิดเก็บได้ ดังนั้น ควรสอบสวนให้ได้ความว่า มีติดตามบัตรเดบิตนั้นอย่างไร เหตุใดไม่แจ้งอายัดในทันที
            - ลักษณะลายมือชื่อปลอมในสลิปรายการชำระค่าสินค้า เป็นอย่างไร คล้ายคลึงกับของผู้กล่าวหาหรือไม่
            - ให้ผู้กล่าวหาเขียนตัวอย่างลายมือชื่อของตนเองเพื่อเปรียบเทียบกับลายมือชื่อในสลิปรายการชำระค่าสินค้า
            - บัตรเครดิต มีราคาเท่าใด ใครเป็นผู้ออกให้ ออกให้เพื่อวัตถุประสงค์ใด

           การสอบสวนผู้ต้องหา
           - ในการแจ้งให้ทราบถึงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการกระทำที่กล่าวหาว่าผู้ต้องหาได้กระทำผิด ให้ผู้ต้องหาทราบ ควรให้ครบทุกองค์ประกอบของความผิด  
           -  แจ้งข้อหาหรือฐานความผิดให้ครบถ้วนตามที่ระบุไว้ข้างต้น

          การสอบสวนพยานเจ้าของร้าน
           -  ขอเอกสารทะเบียนการค้า , การพาณิชย์    
           -  ผู้ที่มาใช้บัตรเดบิตชำระค่าสินค้า มีตำหนิรูปพรรณเป็นอย่างไร
           -  มีการตรวจดูลายมือชื่อในสลิปรายการชำระค่าสินค้าหรือไม่

          การสอบสวนพยานพนักงานธนาคาร
           -  ขอเอกสารการเปิดบัญชีของผู้เสียหาย
           -  ขอเอกสารรายการใช้เงินในบัญชีของผู้เสียหาย กรณีที่ถูกคนร้ายนำไปซื้อสินค้า
           -  ขอทราบราคาบัตรเดบิต และวัตถุประสงค์ของการออกบัตรให้แก่ผู้เสียหาย
           -  ลายมือชื่อในสลิปรายการชำระค่าสินค้า กับตัวอย่างลายมือชื่อของผู้เสียหายที่ให้ไว้กับธนาคารคล้ายคลึงกันหรือไม่

           การสอบสวนเพิ่มเติม
            -  ส่งหนังสือไปขอตรวจสอบบัญชีธนาคารของผู้เสียหาย
            -  ตรวจสอบกล้องวงจรปิด
            -  ประสานชุดสืบสวนหาตัวผู้กระทำผิด ซึ่งอาจถูกจับกุมในท้องที่ใกล้เคียง
            -  ให้อายัดตัวผู้ต้องหา หรือฝากขังผู้ต้องหาต่อศาล

           พฤติการณ์ - คนร้ายเป็นชาวต่างชาติสองคน เข้ามาในประเทศไทยพร้อมกับเครื่องปลอมบัตรเครดิต โดยมีคนร้ายอีกคนหนึ่งอยู่ต่างประเทศเป็นผู้ใช้โทรศัพท์สั่งการ ควบคุม ช่วยเหลือในการส่งข้อมูลหมายเลขรหัสบัตรเครดิตที่ได้จากการนำเครื่องสกิมเมอร์ที่นำไปลักลอบติดตั้งไว้ตามตู้เอทีเอ็มในต่างประเทศ เมื่อคนร้ายที่อยู่ในประเทศไทยได้รับข้อมูลแล้ว ก็ทำบัตรปลอมขึ้นและใช้บัตรปลอมนั้นรูดซื้อสินค้าหรือถอนเงินสดจากตู้เอทีเอ็มในประเทศไทย แล้วแบ่งทรัพย์สินหรือเงินโอนกลับให้แก่คนร้ายในต่างประเทศ
          ฐานความผิด "ร่วมกันปลอมบัตรอิเล็กทรอนิกส์  มีไว้เพื่อใช้ซึ่งบัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอม อันได้มาโดยรู้ว่าเป็นของที่ทำปลอมหรือแปลงขึ้น  ทำเครื่องมือหรือวัตถุสำหรับปลอมหรือแปลงหรือสำหรับให้ได้ข้อมูลในการปลอมหรือแปลงสิ่งใด ๆ หรือมีเครื่องมือหรือมีวัตถุเช่นว่านั้น เพื่อใช้หรือให้ได้ข้อมูลในการปลอมหรือแปลง มีไว้เพื่อนำออกใช้และใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชนและเป็นการกระทำเกี่ยวกับบัตรอิเล็กทรอนิกส์ที่ผู้ออกได้ออกให้แก่ผู้มีสิทธิใช้ เพื่อประโยชน์ในการชำระค่าสินค้า ค่าบริการหรือหนี้อื่นแทนการชำระด้วยเงินสดหรือใช้เบิกถอนเงินสด และมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ"
           บทกฎหมาย - ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓ , ๒๖๙/๑ , ๒๖๙/๒ , ๒๖๙/๔ วรรคหนึ่ง , ๒๖๙/๕ , ๒๖๙/๖ , ๒๖๙/๗  พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พ.ศ.๒๕๕๖ มาตรา ๕ , ๒๕.